6150 จำนวนผู้เข้าชม |
โปรแกรม POS ตัวไหนดี ที่เดหมาะกับร้านค้าของเรา ตอนนี้หลายท่านที่กำลังมองหาโปรแกรม POS ขายหน้าร้าน คงจะต้องมึนงง กับโปรแกรม POS ร้านค้าปลีกและร้านอาหาร ที่มีหลากหลายระบบในปัจจุบัน จะเลือกโปรแกรม POS อันไหนดี
1. Windows POS (ทำงานบนคอมพิวเตอร์)
2. Android POS (ทำงานบนมือถือและ Tablet)
3. Ios POS (ทำงานบน Ipad)
4. Web POS (ทำงานบน เว็บไซด์ ได้ทุกอุปกรณ์)
5. Platform POS (ทำงานบน เว็บไซด์และทุกอุปกรณ์)
แต่หลังจากมี Andorid จากค่าย Google และ IOS จากค่าย Apple โปรแกรมหน้าร้าน POS ก็ได้พัฒนาโปรแกรม POS ให้ทันสมัยขึ้น คือ รองรับการใช้งาน บนมือถือมากขึ้น โดยต่างคนต่างพัฒนาโปรแกรมคิดเงิน POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร บน OS ของตนเอง
โปรแกรมขายสินค้าหน้าร้าน ของทั้ง 2 ค่ายไม่สามารถใช้งานข้าม OS กันได้ ต้องรอในอนาคต จึงจะสามารถเชื่อมต่อกันได้
ส่วนนักพัฒนา Website ก็ได้พัฒนาโปรแกรมคิดเงิน POS บน Website ได้ โดยทำเป็น Web Application ให้ Web Site สามารถคำนวณเงินและซื้อสินค้าใน Web Site ได้เลย
จึงกลายมาเป็นรูปแบบ Web E-commerce แต่หน้าจอ ยังไม่ตอบโจทย์การทำงานบนมือถือมากนัก และพื้นที่ในการเก็บข้อมูลยังจำกัด
เมื่อเทคโนโลยีเชื่อมเข้าหากัน จากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ทำให้เกิดเป็น Platform POS ที่สามารถเชื่อมโยงทุก OS ให้ทำงาน Online ผ่าน Internet มีการเชื่อมโยงหลายๆ Application ให้ทำงานร่วมกันกับระบบ POS ที่เน้นการเก็บเงินเป็นหลัก เริ่มมี Delivery, CRM, Account, Payment และอีกหลาย Application เข้ามาในระบบ Platform POS ทำให้โปรแกรมขายของหน้าร้านหรือ POS เปลี่ยนไปอย่างมาก
1. Windows POS ทำงานบน คอมพิวเตอร์ เท่านั้น
ข้อดี ของ Windows POS
ชำระเงินครั้งเดียวจบ ไม่ต้องจ่ายรายเดือน
เป็นโปรแกรมฐานข้อมูล ขนาดใหญ่ เก็บข้อมูลได้ไม่จำกัด
ข้อมูลการขายสินค้า อยู่ที่คอมเราเอง ปลอดภัยกว่า
ไม่ต้องต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลา ในเวลาขายสินค้า
อะไหล่ของอุปกรณ์ POS หาได้ง่ายกว่า
ข้อเสีย ของ Windows POS
ดู Online ไม่ได้ (โปรแกรม Real4POS สามารถดู Online ผ่าน web site ได้)
อาจดูไม่ทันสมัย แต่คุ้มค่า คุ้มราคากว่ามาก
2. Android POS ทำงานบนมือถือ และTablet
ข้อดี ของ Android POS
ทำงานบนมือถือ และTablet ได้
ค่าเช่าโปรแกรมคิดเงิน POS ต่อเดือนถูก
ดูรายงาน Online ได้
ข้อเสีย ของ Android POS
ต้องเช่าระบบ POS ร้านอาหาร เป็นแบบรายเดือนตลอด จนกว่าจะเลิกใช้ (ลองคิดดูปีล่ะเท่าไร)
ต้องเพิ่มเงินมากขึ้น เมื่อข้อมูลการขายสินค้าเพิ่มมากขึ้น เพราะต้องเช่าพื้นที่เก็บข้อมูลบน Cloud มากขึ้นนั้นเอง
จำกัดพื้นที่จัดเก็บฐานข้อมูล บน Cloud
ต้องใช้อินเตอร์เน็ตตลอดเวลา ในการขายสินค้า เมื่อ Internet ขัดข้อง จะทำให้การขายติดปัญหาทันที
การ Set Up อุปกรณ์ต่างๆ ทำได้ยากกว่า
จำกัดผู้ใช้งาน และ จำกัดข้อมูลสินค้า เพราะใช้ฐานข้อมูลขนาดเล็ก
3. iOS POS ทำงานบน ipad หรือ iphone เท่านั้น
ข้อดี ของ iOS POS
ทำงานบน ipad หรือ iphone ได้
ค่าเช่าโปรแกรมขายสินค้าหน้าร้าน ต่อเดือนถูก
ดูรายงาน Online ได้
ข้อเสีย ของ iOS POS
ต้องเช่าโปรแกรม POS แบบรายเดือนตลอด จนกว่าจะเลิกใช้ (ลองคิดดูปีล่ะเท่าไร)
ต้องเพิ่มเงิน เมื่อข้อมูลมากขึ้น เพราะต้องเช่าพื้นที่บน Cloud
ได้พื้นที่จัดเก็บฐานข้อมูลขนาดเล็ก
ต้องใช้อินเตอร์เน็ตตลอดเวลา ในการขายของ
การ Set อุปกรณ์ต่างๆ ทำได้ยากกว่า
จำกัดผู้ใช้งาน และ จำกัดข้อมูลสินค้า
4. Web POS ทำงานได้ทุกอุปกรณ์ แต่ไม่ได้ออกแบบมา เพื่อทำงานบนมือถือ
ข้อดี ของ Web POS
ทำงานได้ทุกอุปกรณ์ ทั้งคอมพิวเตอร์ และมือถือ
ค่าเช่าโปรแกรม POS เพื่อขายสินค้า เป็นแบบรายปี ราคาถูก
ดูข้อมูล Online ได้ทั่วโลก ทุกอุปกรณ์ เพราะข้อมูลดูผ่านเว็บไซต์ได้
ข้อเสีย ของ Web POS
ต้องเช่าโปรแกรม POS เป็นแบบรายปี ต้องจ่ายไปตลอด จนกว่าจะเลิกใช้ ให้คูณจำนวนปีที่ต้องการใช้ดู แล้วจะรู้ว่า เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
เพิ่มเงิน เพื่อซื้อแพ็คเก็จเพิ่ม เมื่อข้อมูลการขายสินค้ามากขึ้น เพราะต้องเช่าพื้นที่บน Cloud เพิ่มมากขึ้น นั้นเอง
ใช้ฐานข้อมูลขนาดเล็ก กว่า WINDOWS POS ทำให้ใช้ไปสักระยะ ต้องซื้อแพ็คเก็จ ที่ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ
ต้องใช้เน็ตตลอดเวลา เมื่อไม่มีเน็ต จะใช้งานเก็บเงินไม่ได้ จะเกิดผลกระทบกับลูกค้าทันที อาจไม่พอใจในบริการ แล้วไม่กลับมาซ้ำที่ร้านอีก
การตั้งค่า อุปกรณ์ POS ต่างๆ ทำได้ยากกว่า
จำกัดผู้ใช้งาน และจำกัดข้อมูลสินค้า
โปรแกรม Web POS ไม่ได้ออกมาเพื่อ ทำงานบนมือถือ ใช้ตัวหนังสือขนาดเล็ก ทำให้เวลา กดขายสินค้า เป็นเรื่องที่ยากขึ้น
5. Platform POS ทำงานได้ทุกอุปกรณ์ ออกมาเพื่อทำงานบนมือถือ
ข้อดี ของ Platform POS
ทำงานได้ทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ หรือ มือถือ
ค่าเช่าโปรแกรม POS ต่อเดือนถูก แต่อาจจะสูงกว่า แบบ Android และ IOS
สามารถดูรายงาน Online ได้ทุกที่ทั่วโลก
โปรแกรมหน้าร้าน POS แบบนี้ ไม่จำกัดผู้ใช้งาน
ออกแบบระบบ POS ในการขายสินค้า ให้ทำงานบนมือถือ โดยเฉพาะ
มีความสามารถมากกว่า ทุกโปรแกรม POS ในปัจจุบัน
ข้อเสีย ของ Platform POS
ต้องเช่าโปรแกรม POS รายเดือน ไปตลอด จนกว่าจะเลิกใช้ (ลองคิดดูปีล่ะเท่าไร)
ต้องเพิ่มเงิน เมื่อมีการขยายสาขา
ใช้ฐานข้อมูลขนาดเล็ก กว่า WINDOWS POS
ต้องใช้อินเตอร์เน็ตตลอดเวลา เมื่อไม่มีเน็ต จะใช้งานเก็บเงินไม่ได้
ต้องเสียค่าบริการ อินเตอร์เน็ต ทุกเดือน เท่ากับเสียรายเดือน 2 ทาง
โปรแกรมหน้าร้าน POS ปัจจุบัน มีหลากหลายระบบ ที่ทำให้ทุกท่านสับสนกับโปรแกรมหน้าร้าน ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โปรแกรม POS แต่ล่ะระบบ จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการและธุรกิจ ของแต่ล่ะรายเป็นสำคัญ
ไม่มีโปรแกรมขายหน้าร้าน POS ตัวไหนดีที่สุด มีแต่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
ข้อแนะนำ การเลือกซื้อโปรแกรม POS ขายสินค้า
- ถ้าเป็นร้านกาแฟ แนะนำให้ใช้ POS แบบ Android และ IOS ที่เป็นโปรแกรม POS ร้านกาแฟ แบบรายเดือน จะเหมาะสมกว่า
- ถ้าเป็นร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง ที่เน้นสต็อก แนะนำให้ใช้แบบ Windows POS ระบบจะเสถียรกว่าและเก็บข้อมูลได้มากกว่า
- ถ้าเป็นร้านค้าปลีกและร้านค้าส่ง แนะนำให้ใช้แบบ Windows POS อย่างเดียว จะเหมาะกับธุรกิจมากที่สุด
- โปรแกรมแคชเชียร์ แบบ Android และ IOS จะเหมาะกับ ร้านอาหาร ที่เน้นเพียงยอดขาย อย่างเดียว ไม่สนใจสต็อก