ขั้นตอนการเลือกซื้อ โปรแกรม POS 

เลือกซื้อโปรแกรม POS ตัวไหนดี

• ระบบคิดเงินหน้าร้าน ไม่ใช่ซื้อกับใคร ที่ไหนก็ได้ 

• ไม่ใช่เลือกที่ราคาถูกเป็นสำคัญ เพราะระบบขายสินค้าหน้าร้าน เป็นหัวใจสำคัญของทุกร้านค้า

• ควรเน้นที่บริการการหลังการขายเป็นหลัก

9 วิธีเลือกซื้อ POS ร้านค้าปลีกและร้านอาหาร 

1. ศึกษาหาข้อมูลระบบ POS ร้านค้าปลีกและร้านอาหาร จากแหล่งต่างๆ

2. เปรียบเทียบโปรแกรม POS คิดเงินหน้าร้าน เลือกที่ถูกใจที่สุด 

3. โทรสอบถามข้อมูล โปรแกรมขายสินค้าหน้าร้าน ที่เลือก

4. ขอใบเสนอราคา โปรแกรม POS ทั้งร้านค้าปลีก และร้านอาหาร

5. เปรียบเทียบราคาระบบ POS Systems แต่ล่ะเจ้า

6. ตัดสินใจซื้อ ระบบ POS ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร

7. โทรนัดวันเวลาติดตั้ง โปรแกรมขายสินค้าหน้าร้าน

8. ขั้นตอนการชำระเงิน เมื่อตัดสินใจซื้อโปรแกรมขายหน้าร้าน

9. บริการหลังการขาย ของโปรแกรม POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร

1.) ศึกษาหาข้อมูล จากแหล่งต่างๆก่อน เช่น 

• จากคนที่เคย มีประสบการณ์ในการใช้ โปรแกรมขายสินค้าหน้าร้าน POS หลายๆร้าน ดูก่อน

• ค้นหาข้อมูล POS จากแหล่งที่หน้าเชื่อถือ

      แนะนำให้หาข้อมูลเองจาก Google เองก่อน อย่าเชื่อคนอื่นทั้งหมด เพราะโปรแกรม POS ขายสินค้าหน้าร้าน ถูกออกแบบมาไม่เหมือนกัน บางโปรแกรม ออกแบบมาเพื่อร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง ร้านมินิมาร์ท ร้านสะดวกซื้อ ร้านโชห่วย ร้านค้าประเภทนี้ ต้องใช้โปรแกรมฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อให้เพียงพอกับจำนวนสินค้า ที่มีจำนวนมาก ส่วนร้านอาหาร และ ร้านกาแฟ เน้นการคิดเงินหน้าร้านเป็นหลัก ข้อมูลสินค้า มีไม่มาก ไม่จำเป็นต้องใช้ โปรแกรมฐานข้อมูลขนาดใหญก็ได้ ใช้แค่ระบบ Cloud ก็เพียงพอ

          - บางโปรแกรมคิดเงิน POS อาจจะใช้ได้ดีกับบางร้าน แต่อาจจะไม่เหมาะกับร้านค้าปลีก และร้านอาหารของเรา ดังนั้นเราต้องศึกษาเองว่า โปรแกรม POS แบบไหนเหมาะสมกับร้านของเรา มากที่สุด

ประเภทของโปรแกรม POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร 

แบบที่ 1  โปรแกรม POS แบบขายขาด (One time Payment)

แยกออกเป็น
         

1.1 โปรแกรม POS ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร โดยเฉพาะ  

• ระบบ POS หน้าร้านนี้ ออกแบบเพื่อ งานขายสินค้าหน้าร้านโดยเฉพาะ การใช้งานง่ายและไม่ซับซ้อน มีความหยืดหยุ่นสูงกว่า เหมาะกับร้านมินิมาร์ท ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายของชำ ร้านโชห่วยและร้านค้าส่ง

• วิธีสังเกตุ โปรแกรม POS หน้าตาของโปรแกรม จะสบายตา ออกแบบหน้าตาโปรแกรมคิดเงิน POS ให้ใช้งานง่าย ช่วยให้แคชเชียร์ เก็บเงินได้รวดเร็วขึ้น

 1.2 โปรแกรมบัญชี ที่มีโปรแกรมหน้าร้าน POS เสริม  

• โปรแกรมแคชเชียร์ POS แบบนี้ จะใช้การหลักทำงาน ของโปรแกรมบัญชีทั้งหมด มาใช้กับงานขายหน้าร้าน จะเหมาะกับร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง ที่ปิดงบการเงินเอง ไม่ได้จ้างสำนักงานบัญชี

• ทำใช้งานยาก ไม่คล่องตัว มีข้อจำกัดเยอะ มีขั้นตอนในการใช้งานมาก เหมาะสำหรับเป็นรูปบริษัท ที่มีหลายแผนก

• วิธีสังเกตุของโปรแกรมขายของ POS แบบนี้ ดูได้จากคำว่า ลูกหนี้, เจ้าหนี้ ,ใบเสนอราคา หรือ ระบบเช็คธนาคาร ซึ่งจะเป็นภาษาของทางบัญชี มากกว่า 

          ดังนั้นโครงสร้างของโปรแกรมขายสินค้า POS จึงไม่เหมือนกัน เพราะแต่ละโปรแกรมคิดเงิน POS ถูกพัฒนาขึ้นมา มีจุดประสงค์ที่ต่างกัน 

แบบที่ 2 โปรแกรม POS แบบรายเดือน (Pay per month)

ปัจจุบันแยกออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 

• โปรแกรมที่ใช้ OS Android เป็น App บนมือถือ 

• โปรแกรมที่ใช้ IOS ใช้ได้เฉพาะ ค่ายของ Apple เท่านั้น 

• โปรแกรมที่เป็น Web-based Appelication ใช้กับอุปกรณ์อะไรก็ได้

ภาพจาก toppossystem.com

• ระบบ POS ทั้งสามแบบนี้ ต้องใช้ Internet ในการขายตลอดเวลา และเป็นระบบเช่ารายเดือน เพราะข้อมูลการขายทั้งหมด ต้องเช่าพื้นที่ Server บน Cloud 

• ต้องเสียรายเดือน ทุกเดือนจนกว่าจะเลิกใช้ หลายคนคิดว่า โปรแกรม POS ร้านอาหาร ร้านกาแฟ แบบรายเดือนลงทุนไม่เยอะ แต่หาก ลองคิดเป็นจำนวนปี จะรู้ว่าหมดเงินไปเท่าไรแล้ว สู้เลือกใช้โปรแกรม POS แบบซื้อขาด คุ้มค่ากว่ามาก

ภาพจาก howmuchpos.com

2. เปรียบเทียบโปรแกรม POS เลือกที่ถูกใจที่สุด 

• เมื่อเราสามารถแยกออกแล้ว ระหว่างโปรแกรมหน้าร้าน POS, โปรแกรมบัญชี และ App แบบรายเดือน ได้แล้วว่า ต่างกันอย่างไร

• เราต้องรู้ รูปแบบของร้านค้า ร้านอาหารของเรา ว่าเปิดเป็นร้านค้าประเภทใด และ ดูความต้องการที่แท้จริง ว่าเราต้องการโปรแกรมแคชเชียร์ แบบไหนกันแน่ ที่จะนำมาใช้ให้เหมาะกับร้านอาหาร ของเรา

• เมื่อได้ข้อมูลจนเป็นที่พอใจ แล้วทำการคัดเลือก โปรแกรมแคชเชียร์ ที่ถูกใจ และเหมาะกับร้านค้าของเรามากที่สุด

3. โทรสอบถามข้อมูล โปรแกรมขายหน้าร้าน POS ที่เลือก 

• เมื่อเราคัดเลือกได้แล้ว เราควรโทรเข้าไปสอบถามเพิ่มเติม ในส่วนที่เราต้องการรู้ ถามให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ ว่าความสามารถของระบบ POS นั้น ตรงกับความต้องการของร้านอาหารเรา มากน้อยแค่ไหน

• ดูโปรแกรม POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร ที่เราเลือกนั้น เป็นรูปแบบบุคคลธรรมดา หรือ รูปแบบบริษัท เพราะจะมีผลต่อ การบริการหลังการขายมาก

• โปรแกรมขายสินค้าหน้าร้าน POS มันไม่ใช้แค่ติดตั้งแล้วจบกัน เหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป มันต้องมีการดูแลหลังการขาย อีกมาก และปัญหาส่วนใหญ่ ไม่ได้เกิดจากโปรแกรมคิดเงินหน้าร้าน 

• ปัญหาที่พบบ่อย ส่วนใหญ่จะไม่เกี่ยวกับโปรแกรมขายสินค้า POS ซึ่งอาจถูกปฎิเสธการให้บริการได้ เช่น ปัญหาของ Internet, ปัญหา Network การเชื่อมต่อต่างๆของอุปกรณ์

• ดูบริการหลังการขายเป็นหลัก เพราะเวลาเกิดปัญหาจริง จะรู้ว่าการบริการสำคัญมาก เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเก็บเงิน ซึ่งเป็นเรื่องที่รอไม่ได้

• เพื่อความแน่ใจ ดาวน์โหลด โปรแกรมขายหน้าร้าน POS มาทดลองใช้ หรือดูหน้าตาและความสามารถของระบบ POS ก่อน แต่ล่ะระบบ POS จะมีจุดดี จุดด้อย ที่แตกต่างกัน อยู่ที่ว่าเรารับได้แค่ไหน ในราคาที่ต่างกัน

• ดาวน์โหลด โปรแกรมแคชเชียร์ POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร นั้นมาทดลองใช้ ส่วนใหญ่จะให้ดาวน์โหลดฟรี แต่จะไม่มีเจ้าหน้าที่คอยสอนให้ ต้องศึกษาเอาเอง ส่วนใหญ่จะเสียเวลาเปล่า 

• สาธิตโปรแกรม POS Online จากเจ้าของโปรแกรมหน้าร้าน POS เลย ทำให้เข้าใจได้ง่ายและไม่เสียเวลาเรียนรู้ 

• เรียกเจ้าหน้าที่เข้ามา สาธิตโปรแกรมขายสินค้าหน้าร้าน ให้เราดูที่ร้านเลย แบบนี้จะได้รายละเอียดครบ ให้ดูความสามารถของโปรแกรม POS ของร้านค้าปลีก และร้านอาหาร นั้นตรงกับความต้องการของร้านเราหรือไม่ 

4. ขอใบเสนอราคา โปรแกรม POS ร้านค้าปลีก หรือร้านอาหาร 

• เมื่อเลือกโปรแกรม POS ร้านอาหาร ที่ถูกใจแล้ว ก็ขอใบเสนอราคา จากเจ้าของ โปรแกรม POS ร้านอาหาร นั้นๆ ได้เลย 

• เราต้องดูว่าโปรแกรมแคชเชียร์ ที่เสนอมา รวมภาษีมูลค่าเพิ่มหรือยัง ดูเงื่อนไขต่างๆ ให้ครบถ้วน 

• ให้ดูข้อเสนอต่างๆ เช่น มีบริการสอนถึงที่ไหม สอนใช้เวลานานแค่ไหน การจ่ายเงินรายเดือน ต้องชำระเงินผ่านช่องทางไหน

• โปรแกรม POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร หลายที่บอกว่าใช้งานง่าย ให้ดูตรงระยะเวลาการสอน ว่าสอนใช้เวลากี่ชั่วโมง หรือ กี่วัน  

• ถ้าเป็นโปรแกรม POS ที่ใช้งานง่ายจริง จะสอนการใช้งานไม่เกิน 3 ชั่วโมง ก็จะเข้าใจ การขายสินค้าหน้าร้าน ทั้งหมดแล้ว

5. เปรียบเทียบราคา โปรแกรม POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร 

• เลือกโปรแกรมหน้าร้าน POS ที่ถูกใจ และ เหมาะสมกับร้านค้า ของเรามากที่สุด 

• อย่าดูเพียงแค่ราคาอย่างเดียว ให้ดูบริการหลังการขาย การรับประกัน เป็นหลัก

• ค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าบริการ รายเดือน หรือ รายปี มีหรือไม่ 

• ร้านค้าที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ลองซื้อมาใช้ เสียเวลาป้อนข้อมูลทุกอย่าง แต่ถึงเวลา โปรแกรมขายหน้าร้าน ไม่สามารถใช้งานได้จริง 

• ต้องเสียเวลาเรียนรู้และป้อนข้อมูล และต้องเสียเงินสองรอบ เพื่อหาซื้อโปรแกรมหน้าร้าน POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร มาใหม่ 

• แล้วก็ไม่รู้ว่าโปรแกรมแคชเชียร์ ที่ซื้อมาใหม่ จะเหมือนเดิมหรือเปล่า 

• ดังนั้นเราต้องศึกษาจากข้อมูลเบื้องต้น ที่ให้ไว้ด้านบนก่อน

6. ตัดสินใจซื้อ โปรแกรม POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร 

• เมื่อไตร่ตรองถี่ถ้วนแล้ว ว่าโปรแกรม POS เจ้าไหน ที่เหมาะกับร้านของเรา เป็นโปรแกรมขายหน้าร้าน POS ร้านค้าและร้านอาหาร ของเจ้าไหน 

• ก็ตัดสินใจซื้อได้เลย แต่ก็ต้องดูการชำระเงินด้วย บางรายจะให้โอนก่อน 100% 

• บางรายก็จะเก็บเงินค่ามัดจำบางส่วน และเก็บที่เหลือทั้งหมด เมื่อวันติดตั้ง แล้วแต่ตกลงกัน

7. โทรนัดวันเวลาติดตั้ง โปรแกรม POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร

• เมื่อตัดสินใจเลือกซื้อ โปรแกรมหน้าร้านแล้ว ก็ถึงเวลาโทรนัดวันเวลาติดตั้ง เราควรพร้อมทั้งสถานที่ และ คนที่จะเรียนรู้ โดยเฉพาะแคชเชียร์ ต้องมีความพร้อมในการเรียรรู้โปรแกรม

• เจ้าของร้านควรมาเรียนรู้ด้วยตนเองก่อน อย่าปล่อยให้แคชเชียร์เรียบนรู้เองตามลำพัง เมื่อแคชเชียร์คนที่เรียนลาออก ปัญหาจะตามมาทันที

• ความพร้อมด้านสถานที่ ควรมีปลั๊กไฟ มีโต๊ะทำงาน หรือเคาเตอร์แคชเชียร์ ที่สามารถเรียนรู้ โปรแกรมขายหน้าร้าน ได้สะดวก 

• สถานที่ต้องเอื้อประโยชน์ ในการเรียนรู้โปรแกรม POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร เพราะเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก 

• ควรให้สถานที่พร้อมก่อน แล้วค่อยนัดติดตั้ง โปรแกรมคิดเงินหน้าร้าน POS 

• ความพร้อมของคนเรียน คนที่เรียนต้องมีสมาธิในการเรียน 

• เจ้าของร้านค้า อย่าเพิ่งเอาเวลาไปจัดสินค้า หรือเอาเวลาไปขายของ เพราะเจ้าหน้าที่เค้าจะเข้าไปสอนถึงสถานที่ เพียงครั้งเดียว  

• ดังนั้นเจ้าของกิจการ ต้องให้ความสำคัญ ต้องการเรียนรู้โปรแกรม POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร ให้มากที่สุด 

• เมื่อเราเข้าใจระบบคิดเงิน หน้าร้าน แล้ว ปัญหาต่างๆจะหมดไป 

• ส่วนใหญ่ปัญหามาจาก คนซื้อไม่ได้เรียน คนเรียนไม่ได้ซื้อ 

• พอคนเรียนลาออก คราวนี้จะเกิดปัญหาขึ้นมาทันที

• แนะนำให้ซื้อโปรแกรมแคชเชียร์ ก่อนเปิดร้านล่วงหน้า 1-2 อาทิตย์ หรือ ก่อนที่สินค้าจะมาส่ง 

• เพราะเมื่อสินค้ามาส่ง เราก็จะยุ่งการจัดสินค้า ทำให้ไม่มีสมาธิในการเรียนรู้ โปรแกรม POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร ได้อย่างเต็มที่ 

• เราควรซื้อโปรแกรมคิดเงิน POS ก่อน เพราะจะทำให้รู้ว่า เราควรจะเริ่มทำอะไรตรงไหน ก่อนหลัง

• เราต้องคียส์ข้อมูลสินค้าต่างๆ พร้อมทั้งสต็อกสินค้า เข้าไปในระบบ POS ทั้งหมดก่อนการขายจริง ข้อมูลถึงจะถูกต้อง สต็อกสินค้า ถึงจะตรงตั้งแต่แรก 

• หลายคนคิดว่าซื้อโปรแกรม POS ร้านค้าปลีก แล้ววันรุ่งขึ้นแล้วขายได้เลย มันก็อาจจะทำได้ ถ้าสินค้าเราไม่มาก  

• ส่วนใหญ่จะทำไม่ทัน แล้วขายไปก่อน สต็อกสินค้าก็จะผิด ตั้งแต่เปิดร้าน 

• แล้วก็มานั่งนับสต็อกสินค้ากันใหม่ กว่าจะตรงจะใช้เวลานาน ทำให้มันถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรกจะดีกว่า  

• บางร้านคิดว่าซื้อโปรแกรมแคชเชียร์ POS มาแล้ว เจ้าหน้าที่จะป้อนข้อมูลให้หมด เราไม่ต้องทำอะไรเลย เป็นความคิดที่ผิดนะครับ เพราะเรื่องต้นทุนไม่ควรให้ใครรู้

• เจ้าหน้าที่จะสอนการป้อนข้อมูลต่างๆให้ ทางร้านค้าปลีกต้อง เป็นคนป้อนข้อมูลสินค้าเอง เพราะเราจะรู้จักสินค้าทั้งหมดดีที่สุด คนอื่นจะไม่รู้ดีเท่าเรา 

• ดังนั้นแนะนำว่า เราควรศึกษาการใช้งานของ โปรแกรมขายหน้าร้าน และป้อนข้อมูลเองทั้งหมดก่อน ถึงจะดีที่สุด ถูกต้องไปตลอดการใช้งาน

สำหรับคนที่เปิดร้านแล้ว

• สามารถซื้อโปรแกรมเก็บเงิน POS มาใช้ได้เลย โดยแบ่งกลุ่ม ออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆไว้ล่วงหน้าก่อน 

• ส่วนสต็อกสินค้า ถ้ามีเวลา ก็นับสต็อกล่วงหน้าไว้ก่อน จะช่วยประหยัดเวลาได้มาก 

• แล้วทำตามขั้นตอนต่างๆของโปรแกรม POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร ได้เลย  

• บางโปรแกรม POS ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร สามารถนำข้อมูลจากโปรแกรมเก่ามาใช้ได้ โดยนำข้อมูลที่เป็น Excel มาใส่ในโปรแกรมหน้าร้าน POS ใหม่ได้เลย  

• บางร้านไม่อยากเปลี่ยนโปรแกรมคิดเงิน POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหารใหม่ ทั้งๆที่ใช้มามีปัญหามากมาย เพราะไม่อยากคีย์ข้อมูลสินค้าใหม่ จึงจำใจทน กับระบบเดิมไปตลอด

8. ขั้นตอนการชำระเงิน โปรแกรมแคชเชียร์ POS ร้านค้าและร้านอาหาร

• การชำระเงินก็สำคัญ บางรายก็มีเก็บค่ามัดจำบางส่วน บางรายก็ชำระเต็มจำนวนในวันติดตั้ง

• ถ้าลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัด ต้องดูและศึกษาให้แน่ใจ ทั้งระบบ POS และตัวบริษัทที่เลือกใช้บริการ ก่อนตัดสินใจโอนเงิน 

• ถ้าเป็นบุคคลธรรมดา ต้องระมัดระวังมากหน่อย มีโอกาสที่โอนไปแล้วจะไม่ได้สินค้าที่สั่ง โดยเฉพาะสั่งผ่านช่องทาง Online จะไม่สามารถติดต่อผู้ขายได้ ตรงนี้ควรระมัดระวัง

• แนะนำว่าควรซื้อโปรแกรมหน้าร้าน POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร กับบริษัท จะมีความปลอดภัยมากกว่า

9. บริการหลังการขาย ของโปรแกรม POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร 

• เป็นหัวใจสำคัญที่สุด ที่เราจะต้องพิจารณามากกว่าราคา คือ การบริการหลังการขาย 

• โปรแกรมขายสินค้าหน้าร้าน POS ราคาถูก แต่บริการหลังการขายไม่ดี แบบนี้เลือกซื้อโปรแกรมขายหน้าร้าน ที่ราคาสูงขึ้นมาหน่อยจะอุ่นใจกว่า 

• เพราะ โปรแกรมเก็บเงินหน้าร้าน ไม่เหมือนกับสินค้าอื่นๆ ที่ขายแล้วจบกัน จำเป็นต้องมีบริการหลังการขายอีกมาก และ ต้องการความรวดเร็วในการแก้ปัญหา ไม่เหมือน เครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป 

ปัญหาของโปรแกรม POS อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

• ปัญหาจากตัวโปรแกรม POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหารเอง

• ปัญหาของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ เครื่อง POS

• ปัญหาจาก Windows Update ตัวเอง

• ปัญหาจาก ไวรัส ที่มาจากการดาวน์โหลด 

• ปัญหาจากระบบ Network ที่ไม่สมบูรณ์

• ปัญหา Internet ที่ไม่เสถียร ขาดหายในบางครั้ง

• ปัญหาจากผู้ใช้งาน หรือแคชเชียร์ ที่ไม่อยากใช้โปรแกรม POS คิดเงิน

• ปัญหา OS Update ตัวมันเอง  

   
  

     ซึ่งหลายๆปัญหา ไม่ได้เกิดจากตัวโปรแกรมขายของหน้าร้าน ยิ่งถ้าเราซื้อโปรแกรมหน้าร้าน POS กับคอมพิวเตอร์ พร้อมอุปกรณ์เก็บเงิน แยกกัน เมื่อลูกค้าซื้อโปรแกรม POS จากที่หนึ่ง แล้วไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่หามาเอง แล้ววันหนึ่งเกิด Windows เสีย หรือ Hard Desk พัง ทางโปรแกรม POS บางรายอาจจะไม่บริการให้ เพราะไม่เกี่ยวกับตนเอง บางทีก็ให้ลูกค้าซื้อโปรแกรม POS ร้านค้าปลีก และร้านอาหาร ใหม่อีกครั้ง เพราะหมายเลขเครื่อง ที่ผูกกับโปรแกรมขายหน้าร้าน ได้เปลี่ยนไป ปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อย

     ดังนั้นแนะนำว่า ควรซื้อโปรแกรมขายหน้าร้าน POS และอุปกรณ์เก็บเงินจากที่เดียวกันจะดีที่สุด ปัจจุบันสามารถ รีโมท ผ่านเน็ท เข้ามาแก้ไขปัญหาที่เครื่อง POS และอุปกรณ์คิดเงินของเราได้เลย จะแก้ปัญหาได้รวดเร็วและตรงจุด เพราะเห็นน่าจอเดียวกัน         

• ข้อมูลนี้เป็นการแชร์ประสบการณ์ วิธีเลือกซื้อ โปรแกรมขายหน้าร้าน POS ที่หลายร้านได้ลองผิดลองถูกกันมา

• ถือว่ามีประโยชน์สำหรับท่าน ที่กำลังมองหาโปรแกรมหน้าร้าน POS เหล่านี้อยู่

• ซึ่งข้อมูลนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับบางท่านไม่มากก็น้อย